- กดสไลด์ไปทางขวาเพื่อดูรูป
รู้หรือไม่ ?
5 ข้อควรรู้ เกี่ยวกับ “ฟันปลอม”
1. เมื่อถอนฟัน ต้องใส่ฟันปลอม !
เมื่อเราถอนฟันไปแล้ว เราต้องทำการใส่ฟันปลอมทดแทน ไม่ว่าจะเป็นฟันหน้าหรือฟันหลัง ไม่เช่นนั้น ฟันข้างเคียงจะล้มเข้าหาช่องว่าง ฟันคู่สบจะยื่นยาวเข้าหาช่องว่าง มีปัญหาด้านการบดเคี้ยว และอาจส่งผลระยะยาวถึงปัญหาข้อต่อขากรรไกรและกล้ามเนื้อใบหน้า นอกจากนี้ยังส่งผลต่อความสวยงาม ซึ่งถ้าปล่อยทิ้งไว้นานๆ อาจต้องเสียเงินเพื่อจัดฟันที่ล้ม เพื่อเตรียมช่องว่างสำหรับใส่ฟันปลอม
2. ฟันปลอม มีแบบถอดได้และติดแน่น
ฟันปลอมแบ่งออกใหญ่ๆ เป็นแบบถอดได้ และแบบติดแน่น สำหรับฟันปลอมแบบถอดได้ ราคาจะถูกกว่า เริ่มต้นที่ 3,000-3,500 แต่ จะรู้สึกรำคาญและต้องใช้เวลาปรับตัวในการเคี้ยวและพูด สำหรับฟันปลอมแบบติดแน่น คือฟันปลอมที่ถอดออกไม่ได้ ได้แก่ รากฟันเทียม หรือ สะพานฟัน
3. ฟันปลอมถอดได้ มีแบบฐานโลหะและพลาสติก
ฟันปลอมแบบถอดได้ จะใส่ในตอนกลางวัน และถอดทำความสะอาดในตอนกลางคืน ซึ่งจะมีทั้งแบบฐานพลาสติกและโลหะ ฟันปลอมแบบฐานพลาสติกจะราคาถูกกว่า ราคาเริ่มต้น 3,000-3,500 สวยงามกว่า เพราะเห็นสีโลหะน้อยกว่า แต่หนากว่า รำคาญกว่าและแข็งแรงน้อยกว่า อาจแตกได้เมื่อหล่น ส่วนฟันปลอมฐานโลหะ ราคาจะแพงกว่า เริ่มต้นที่ 8,000 แต่จะมีความแข็งแรงสูงกว่า บางกว่า ทำให้รำคาญน้อยกว่า และอาจเห็นตะขอโลหะได้
4. ฟันปลอมแบบติดแน่น มีรากเทียมและสะพานฟัน
ฟันปลอมแบบติดแน่น จะไม่สามารถถอดได้ ยึดติดกับฟันไปเลย ซึ่งจะมีทั้งรากเทียม (Dental implant) ซึ่งมีค่าใช้จ่าย 49,000 ขึ้นไป (แบ่งชำระ 2 ครั้ง) โดยรากเทียมจะเป็นการฝังโลหะคล้ายน๊อตเข้าไปในกระดูก ทดแทนส่วนของรากฟัน และต้องทิ้งไว้ 2-3 เดือน เพื่อให้รากเทียมเชื่อมกับกระดูก ก่อนจะทำครอบฟัน ส่วนสะพานฟันนั้นจะเป็นการ กรอฟัน 2 ซี่ ข้างเคียงให้เล็กลง และทำครอบฟันเชื่อมกัน โดยยึดส่วนฟันปลอมเอาไว้ตรงกลางห้อยอยู่บนสันเหงือก (ราคา เริ่มต้น 30,000) ข้อเสียคือจะต้องเสียเนื้อฟัน ของฟันข้างเคียง
5. ฟันปลอม ต้องทำ 2-3 ครั้ง
การทำฟันปลอมนั้น ต้องทำการรักษา 2-3 ครั้งขึ้นไป โดยครั้งแรก ทันตแพทย์จะทำการพิมพ์ปาก หรือ กรอแต่งฟัน และส่งแลปเพื่อทำชิ้นงาน หลังจากนั้น 2-3 สัปดาห์ จึงนัดมาเพื่อใส่ฟันปลอม (ยกเว้นรากเทียม ต้องรอ 2-3 เดือน ให้กระดูกยึดติดกับรากเทียม) ซึ่งค่าใช้จ่ายก็สามารถผ่อนชำระได้ ตามจำนวนครั้งที่มา
Leave a Reply