ความรู้เกี่ยวกับ "การจัดฟันแบบโลหะ"

เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน
จัดฟันที่ไหนดี ?
จัดฟันที่ไหนดี ? รายละเอียดและขั้นตอนการจัดฟันเป็นอย่างไร ? คงเป็นหลายๆ คำถามสำหรับผู้ที่กำลังสนใจจะจัดฟันต้องการทราบ “คลินิกทันตกรรมสไมล์ลอฟท์” เป็นคลินิกที่จัดฟันโดยทีมทันตแพทย์เฉพาะทางมหิดล, อาจารย์แพทย์ มหิดลและปริญญาเอก ซึ่งทุกท่านมีรายชื่อเป็น สมาชิกสามัญของสมาคมทันตแพทย์จัดฟันแห่งประเทศไทย นอกจากนี้ ทางคลินิกยังมีตัวอย่างของ เคสรีวิวจัดฟันมากมายจากคนไข้จริง และมี บทความทางทันตกรรมมากมาย สำหรับตอบทุกคำถามของคุณแบบละเอียดยิบ แล้วคุณจะไม่ต้องลังเลอีกต่อไป ว่าจะ จัดฟันที่ไหนดี
จัดฟัน คืออะไร ?
การจัดฟัน (Orthodontic treatment) คือ การรักษาทางทันตกรรม เพื่อแก้ไขสภาวะการสบฟันที่ผิดปกติ (Malocclusion) โดยใช้หลักการ ของแรงทางฟิสิกส์ (Physics) ร่วมกับหลักการกลศาสตร์ชีววิทยา (Biomechanical) ในการ “เคลื่อนฟัน” จากตำแหน่งที่ผิดปกติไปยังตำแหน่งที่ถูกต้อง โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อฟันและอวัยวะรอบๆฟัน ซึ่งการจัดฟันนั้น มีเป้าหมายหลัก 3 ประการ ได้แก่ เพื่อให้มีความสวยงาม (Esthetics), เพื่อให้มีการใช้งานที่ดี (Function) และเพื่อให้มีความมั่นคงในการสบฟัน (Stability)
จัดฟันมีกี่แบบ แตกต่างกันอย่างไร ?
การจัดฟัน แบ่งออกเป็น 6 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่
อ่านเพิ่มเติม "จัดฟันแบบต่างๆ"
จัดฟันแบบโลหะ คืออะไร ?
การจัดฟันแบบโลหะ เป็นการจัดฟันด้วยเครื่องมือชนิด “โลหะ” ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องมือสำหรับจัดฟันขั้นพื้นฐานแรกเริ่ม (Conventional) ที่ใช้ในการจัดฟันยุคแรกๆ จนถึงปัจจุบัน เป็นการจัดฟันที่นิยมมากที่สุด เนื่องจากมีประสิทธิภาพที่ดี สามารถแก้ไขความผิดปกติของสบฟันได้หลากหลาย
ส่วนประกอบของ เครื่องมือจัดฟันแบบโลหะ

- แบรคเก็ต (Bracket)
เป็นส่วนประกอบที่ใช้ยึดติดกับฟัน เพื่อใช้เป็นตัวกลางสำหรับส่งผ่านแรงที่กระทำต่อฟันจากภายนอก เข้ามาควบคุมการเคลื่อนที่ของฟัน โดยแบรคเก็ต ชนิดนี้ผลิตจากวัสดุ “โลหะ” ซึ่งมีสีเงิน มองเห็นได้ชัดเจน - ยางรัดฟัน (O-ring)
เป็นส่วนประกอบที่ใช้ยึดลวดจัดฟันเข้ากับแบรคเก็ต เพื่อใช้สำหรับส่งผ่านแรงที่กระทำต่อฟันจากลวดในการควบคุมการเคลื่อนที่ของฟัน โดยยางรัดฟัน จะมีสีสันหลากหลาย และมีอายุการใช้งานประมาณ 1-2 เดือนก็จะเริ่มเปื่อยและหลุด จึงต้องมาปรับเครื่องมือเพื่อเปลี่ยนยางทุกเดือน - เชนดึงฟัน (Chain)
เป็นส่วนประกอบที่ใช้ในการออกแรงดึงเพื่อเคลื่อนฟัน โดยเชนดึงฟัน จะมีลักษณะ เป็นยางรัดฟัน (O-ring) ต่อกันยาวๆ มีสีสันหลากหลาย และมีอายุการใช้งานประมาณ 1-2 เดือนก็จะเริ่มเปื่อยและหมดแรงดึง จึงต้องมาปรับเครื่องมือเพื่อเปลี่ยนเชนทุกเดือน - ลวดจัดฟัน (Archwire)
เป็นส่วนประกอบที่ใช้ควบคุมทิศทางและตำแหน่งของการเคลื่อนฟัน โดยฟันจะเคลื่อนที่ไปตามลวดจัดฟันผ่านทางแบรคเก็ต โดยลวดจัดฟันนั้น ผลิตจากวัสดุหลากหลายประเภท ขึ้นกับวัตถุประสงค์ในการเคลื่อนฟัน เช่น Nickel-titanium, Stainless steel เป็นต้น - อุปกรณ์เสริมอื่นๆ
นอกจากอุปกรณ์หลักๆ แล้วยังมีอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ในการจัดฟัน เช่น ลวดมัดฟัน (Ligature), สปริง (Spring) ชนิดต่างๆ, Hook เป็นต้น
ข้อดีของการจัดฟันแบบโลหะ
- เป็นการจัดฟันแบบพื้นฐาน มีประสิทธิภาพที่ดี สามารถแก้ไขความผิดปกติของสบฟันได้หลากหลาย
- แบรคเก็ตมีความแข็งแรง ไม่แตกหรือหักง่าย
- ค่าใช้จ่ายประหยัดที่สุด
- มีสีสันสวยงามจากยางรัดฟัน ซึ่งต้องทำการเปลี่ยนทุกเดือน

ข้อเสียของการจัดฟันแบบโลหะ
- มองเห็นเครื่องมือโลหะ ชัดเจน ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการให้เห็นเครื่องมือ
- เป็นเครื่องมือติดแน่น ไม่สามารถถอดเข้า-ออกได้
- อาจทำให้เกิดความรำคาญ ระคายเคืองจากเครื่องมือ ต่อเนื้อเยื่ออ่อนในช่องปาก โดยเฉพาะในช่วงแรกที่ร่างกายยังปรับตัวไม่ได้
- อาจทำให้พูด ออกเสียงไม่ชัดในช่วงแรกที่ร่างกายยังปรับตัวไม่ได้
- การดูแลรักษาทำความสะอาดยาก ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ
- ต้องพบทันตแพทย์จัดฟันเพื่อทำการปรับเครื่องมือทุกเดือน
กรณีใด ที่จำเป็นต้องจัดฟันแบบโลหะ ?
- กรณีที่มีความผิดปกติของการสบฟันแทบทุกประเภท (Malocclusion)
- กรณีที่มีความผิดปกติของการสบฟันร่วมกับความผิดปกติของขากรรไกร (Malocclusion with jaw deformity)
- การจัดฟันร่วมกับทันตกรรมสาขาอื่นๆ เช่น การเติมฟัน, การเปิดช่องสำหรับใส่ฟันปลอม, การเปิดช่องสำหรับปักรากเทียม
- การเรียงตัวของฟันผิดปกติ เช่น ฟันซ้อนเก, ฟันบิด, ฟันหมุน (Crowding)
- ฟันห่าง (Spacing)
- ฟันยื่น (Protrusion)
- ฟันงุ้ม (Retrusion)
- ฟันหน้าล่างครอบฟันบน (Crossbite)
- ฟันสบเปิด (Openbite)
- ฟันสบลึก (Deepbite)
- ฟันสบเบี้ยว (Midline deviation)
- ฟันสบเอียง (Canting)
รายละเอียดขั้นตอนในการจัดฟันแบบโลหะ

นัดปรึกษาทันตแพทย์จัดฟัน
ในครั้งแรก ทันตแพทย์จัดฟันจะทำการซักประวัติ ตรวจนอกช่องปาก ได้แก่ วิเคราะห์รูปหน้า, วิเคราะห์การยิ้ม และตรวจการสบฟันอย่างละเอียด เพื่อวินิจฉัยปัญหา และวางแผนการรักษา ผู้เข้ารับการรักษาจะได้ทราบแผนการรักษาเบื้องต้น สามารถที่จะตัดสินใจเลือกแผนการรักษาและชนิดของเครื่องมือจัดฟันได้ โดยทันตแพทย์จัดฟันที่ปรึกษาจะเป็นทันตแพทย์ประจำตัว ที่จะทำการรักษาไปจนเสร็จสิ้นการรักษา ทีมทันตแพทย์เฉพาะทางจัดฟันคลินิกทันตกรรมสไมล์ลอฟท์ทำประวัติก่อนการรักษา
กรณีถ้าตกลงจัดฟัน ทันตแพทย์จัดฟันจะทำการพิมพ์ปากเพื่อทำแบบจำลองฟันก่อนการรักษา บันทึกถ่ายภาพใบหน้าและภายในช่องปาก วิเคราะห์ วินิจฉัยวางแผนการรักษา และ ทำเอกสารเฉพาะในเบื้องต้น รวมทั้งถ่ายภาพรังสีทั้งปาก (Panoramic film) และ ภาพรังสีใบหน้าด้านข้าง (Lateral cephalometric film)ขั้นตอนการเคลียร์ช่องปากก่อนจัดฟัน
เป็นขั้นตอนในการเตรียมสภาพช่องปากทั่วไปให้เรียบร้อยและอยู่ในสภาพที่ดีตามแผนการรักษาของทันตแพทย์จัดฟันก่อนการติดเครื่องมือจัดฟัน ได้แก่ การอุดฟัน, การขูดหินปูน, การผ่าฟันคุด, การรักษารากฟัน, การถอนฟัน เพื่อการจัดฟัน เป็นต้นติดเครื่องมือจัดฟัน
เมื่อเคลียร์ช่องปากเสร็จแล้ว จึงนัดติดเครื่องมือจัดฟัน โดยทั่วไปทันตแพทย์จะติดเครื่องมือจัดฟันที่ขากรรไกรบนก่อนเพื่อให้ค่อยๆปรับตัว ใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที และจะนัดมาติดเครื่องมือจัดฟันล่างอีกครั้งใน 1-2 สัปดาห์ (อาจแตกต่างกันไปในแต่ละเคส ขึ้นอยู่กับแผนการรักษา)ปรับเครื่องมือจัดฟันทุกเดือน
ทันตแพทย์จัดฟันจะนัดปรับเครื่องมือจัดฟันทุกเดือน จนเสร็จสิ้นการรักษา ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่ผู้เข้ารับการรักษาจะต้องมีวินัยและมาตามนัดของทันตแพทย์จัดฟันอย่างเคร่งครัดทุกครั้ง โดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 2 ปี (แต่อาจแตกต่างกันไปในแต่ละเคสขึ้นกับความยากง่าย) กรณีที่ผู้เข้ารับการรักษาไม่มาตามนัด จะทำให้ระยะเวลาในการรักษายาวนานออกไปและไม่เป็นไปตามแผนการรักษาทำรีเทนเนอร์หลังจัดฟัน
เมื่อทำการจัดฟันเสร็จแล้ว ทันตแพทย์จัดฟันจะทำการพิมพ์ปากเพื่อทำ เครื่องมือคงสภาพฟัน หรือ รีเทนเนอร์ (Retainers) และถอดเครื่องมือ, ขัดกาวและขัดฟัน ผู้เข้ารับการรักษาต้องทำการใส่รีเทนเนอร์อย่างมีวินัยตามที่ทันตแพทย์จัดฟันแนะนำ โดยทั่วไปจะต้องใส่ตลอด 24 ชั่วโมงเป็นระยะเวลา 1 ปีแรก หลังจากนั้นจึงค่อยๆลดเวลาการใส่ลงจนเหลือแต่ตอนกลางคืนขั้นตอนการเคลียร์ช่องปากหลังจัดฟัน
เป็นขั้นตอนในการตรวจดูแลสภาพช่องปากทั่วไปให้เรียบร้อยและอยู่ในสภาพที่ดีหลังการจัดฟัน ได้แก่ การอุดฟัน, การขูดหินปูน, การทำครอบฟัน, การใส่ฟันปลอมแบบถอดได้, การทำฟันปลอมแบบติดแน่นและปักรากเทียม เป็นต้นนัดเพื่อตรวจเช็ครีเทนเนอร์และตรวจสุขภาพฟันประจำปี
โดยทั่วไปหลังถอดเครื่องมือจัดฟันแล้ว ทันตแพทย์จัดฟันจะนัดเพื่อตรวจติดตามผลการรักษาและเช็ครีเทนเนอร์ ในช่วงระยะเวลาหลังการรักษา 1 เดือน, 3 เดือน, 6 เดือน และ 1 ปี พร้อมกับการตรวจสุขภาพช่องปากประจำปี
ราคาจัดฟันแบบโลหะ
- ราคา “โปรโมชั่น” จัดฟันแบบโลหะ ราคารวมขึ้นกับระยะเวลาและจำนวนครั้งในการรักษา
- ปรึกษาจัดฟันครั้งแรก : ไม่มีค่าใช้จ่าย
- กรณีตกลงจัดฟัน ค่าใช้จ่ายครั้งแรก 999 บาท (พิมพ์ปาก + เอ็กซ์เรย์)
- หลังจากนั้น นัดเคลียร์ช่องปากขึ้นกับสภาพช่องปากของแต่ละบุคคล
- เลือกแผนการผ่อนชำระ
A : แบบชำระครั้งเดียว
– 39,900 บาท (สำหรับจัดฟันรอบแรก)
– 29,900 บาท (สำหรับจัดฟันรอบสอง)
B : แบบผ่อนชำระ
– ติดเครื่องมือบน 2,000 บาท
– ติดเครื่องมือล่าง 2,000 บาท
– ปรับเครื่องมือครั้งละ 1,500 บาท (ชำระไม่เกิน 30 ครั้ง) - ฟรี รีเทนเนอร์
(กรณีเคลียร์ช่องปากกับทางคลินิกและไม่ขาดนัดเกิน 3 เดือน)
อัตราค่าบริการทางทันตกรรมคลินิกทันตกรรมสไมล์ลอฟท์

คลิปตัวอย่างการจัดฟันแบบต่างๆ


